รู้หรือไม่? อะไหล่รถยนต์มีวันหมดอายุด้วยนะ!
by SIAM GS SALES
05 October 2021

อะไหล่รถยนต์เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่มักมองข้ามและคิดว่าอายุการใช้งานแต่ละชิ้นส่วนยืนยาว แต่แท้ที่จริงแล้ว! อะไหล่รถยนต์ก็มีวันหมดอายุเหมือนกัน ยิ่งรถที่ใช้งานเยอะก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะอาจมีการชำรุดหรือเสื่อมสภาพไปตามการใช้งานเป็นธรรมดา ดังนั้น เราต้องคอยบำรุงรักษาและเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

ระบบที่ควรหมั่นดูแล

  1. อายุของระบบเครื่องยนต์ ของเหลวและอุปกรณ์รถ

ทุกคนเคยประสบปัญหานี้ไหมครับ? เมื่อกำลังจะสตาร์ทรถออกจากบ้าน แต่ดันมาเจอสัญญาณไฟแจ้งเตือนบนหน้าปัดรถโชว์ขึ้นมาเต็มไปหมด อย่าเพิ่งตกใจไป นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบเครื่องยนต์หรืออุปกรณ์รถกำลังมีปัญหา ซึ่งเราสามารถดูแลอายุของระบบเครื่องยนต์ง่าย ๆ ได้ดังนี้

- น้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง โดยเฉลี่ยระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุก ๆ 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับการใช้งานและลักษณะน้ำมันเครื่องที่ใช้)
- น้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้าย ระยะเวลาเปลี่ยนทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)

- น้ำยาหล่อเย็น หรือน้ำยาหม้อน้ำ ควรเปลี่ยนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และตรวจเช็กให้อยู่ในระดับอย่างสม่ำเสมอ
- หัวเทียน ระยะเวลาเปลี่ยนประมาณ 40,000 กิโลเมตร
- ใบปัดน้ำฝน ระยะเวลาเปลี่ยนประมาณ 1 ปีขึ้นไป
- หลอดไฟ ถ้าพบหลอดไฟในรถขาด ควรเปลี่ยนทันที และหมั่นเช็กความสว่างของหลอดไฟในรถยนต์บ่อย ๆ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ฯลฯ

  1. ระบบเบรกและช่วงล่าง

หากขับรถบนถนนขรุขระแล้วรถมีอาการเสียงดังแปลก ๆ เหยียบเบรกหรือเลี้ยวสุดแล้วมีเสียงดัง ต้องรีบเช็กด่วน เพราะอาจเป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่าอะไหล่ช่วงล่างรถของเรามีอาการผิดปกติซะแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อาจเกิดได้ในหลายส่วนดังนี้

- ผ้าเบรก ระยะเวลาเปลี่ยนประมาณ 50,000 - 70,000 กิโลเมตร ควรตรวจเช็กและทำความความสะอาด รวมถึงตั้งระยะเบรกมือทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร
- ยางรถยนต์ ระยะเวลาเปลี่ยนทุก ๆ  50,000 กิโลเมตร หรือทุก 2 ปี และสลับยางถ่วงล้อทุก 10,000 กิโลเมตร
- โช้คอัพหน้า-หลัง ตรวจเช็กระบบการทำงานของโช้คอัพทุก 1 ปี หรือทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร
- ระบบคันบังคับเลี้ยว ลูกหมาก ลูกปืน และยางกันฝุ่น ตรวจเช็กสภาพทุก ๆ 1 ปีระยะเวลาเปลี่ยน 80,000 – 100,000 กิโลเมตร

  1. ะบบแอร์และระบบไฟฟ้า

เหงื่อแตกพลั่ก เพราะแอร์ไม่เย็นซะที แถมมีแต่ลมร้อน อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย! รถคันไหนมีอาการแบบนี้ ต้องรีบตรวจเช็กอายุระบบแอร์และระบบไฟฟ้ารถยนต์ด่วน บางทีอาจเพราะน้ำยาแอร์หมดหรือไส้กรองแอร์เก่าเกินไป ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุของปัญหาแอร์ไม่เย็นได้เช่นกัน

- ตรวจเช็กสารทำความเย็น (หรือน้ำยาแอร์) ทุก ๆ 60,000 กิโลเมตร ควรเช็กระดับน้ำยาแอร์อยู่สม่ำเสมอ และก่อนเติมน้ำยาแอร์เองทุกครั้ง แนะนำให้เช็กน้ำยาแอร์ที่เหมาะกับรถคุณ
- กรองแอร์ ควรตรวจเช็กทุก 10,000 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน)
- ฟิวส์รถขาด เมื่อเกิดวงจรไฟฟ้าในรถไม่ทำงาน ให้ตรวจสอบอุปกรณ์ในวงจรว่าเกิดความเสียหายหรือเกิดลัดวงจรหรือไม่?  แล้วทำการเปลี่ยนฟิวส์ใหม่ที่มีค่าการทนกระแสไฟฟ้าเท่าเดิมทันที

  1. ะบบแบตเตอรี่

ปัญหารถอืด แรงน้อย สตาร์ทรถติดยาก หรือแบตเตอรี่รถน้ำกลั่นหมดเร็วกว่าปกติ ต้องเติมบ่อย ๆ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบอกเหตุ แบตเตอรี่ใกล้หมดสภาพ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่แล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนอาจเจอแจ็กพอตรถดับกลางทางและอาจเกิดเหตุอันตรายที่ไม่คาดคิดได้

- แบตเตอรี่ ระยะเวลาควรเปลี่ยนทุก 1 ปีครึ่ง
- แบตเตอรี่ชนิด Conventional (แบตเตอรี่น้ำ) ควรเช็กน้ำกลั่นอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง



ผู้ใช้งานรถควรเลือกแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับการใช้งาน ทางยีเอสแบตเตอรี่เองก็มีแบตเตอรี่ให้เลือกหลากหลายแบบด้วยกัน ตามความต้องการของแต่ละคน และที่สำคัญ! หากท่านใดไม่อยากเปลี่ยนแบตเตอรี่รถบ่อยต้องเลือก ยีเอสแบตเตอรี่ แบตพลังอึด เพราะทุกรุ่นของเราทนทาน คุ้มค่า ใช้งานได้นาน แล้วถ้าแบตเตอรี่หมดอายุเมื่อไหร่ เรียกใช้ GS PROMPT 1380 ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็พร้อมเปลี่ยนแบตให้ถึงที่ Delivery ส่งฟรี รวดเร็ว ทันใจ มั่นใจยีเอสแบตเตอรี่ !

บทความคล้ายกัน

ข่าวและกิจกรรม CSR ความรู้ดีๆ มากมายสไตล์ยีเอส แบตเตอรี่